ที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า คาเฟอีน (Caffeine) )เป็นสารเคมีหลักในกาแฟ มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองแจ่มใสกระชุ่มกระชวย กระฉับกระเฉง ไม่ง่วงเหงาหาวนอน และยังมีฤทธิ์เสพติดด้วย
.หากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณก็เข้าข่ายอาการ Caffeine withdrawal แล้ว
ปวดหัว จดจ่อกับงานได้ยาก (Headache and Difficulty for concentrating)
- พบได้มากที่สุด และมีความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละคน ทั้งปวดบีบ ๆ ปวดตุ้บ ๆ นอกจากนี้คาเฟอีนจากเป็น booster ที่เพิ่มการเต้นของหัวใจและความดันในเลือดทีจะไปกระตุ้นสมองให้มีการจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้นานขึ้นด้วย
.
เหนื่อยล้า (Fatigue / Low Energy)
- คาเฟอีนจึงมักถูกเลือกให้เป็นตัวช่วยในวันที่เราพักผ่อนน้อยหรือต้องการแรงกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอด เมื่อใดที่ขาดกาแฟไป ก็จะมีอาการซึมเซา หาวนอน มึนงง สมองไม่โปร่ง รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รู้สึกไม่มีเรี่ยวมีแรงในการที่จะกระทำการใดใด ไม่เหมือนกับวันที่ได้ดื่มกาแฟ
.
วิตกกังวล รวมทั้งมีอาการหงุดหงิด (Anxiety and Irritability)
- กาแฟที่บรรจุไปด้วยสารคาเฟอีนมีคุณสมบัติเป็น mood-enhancer ที่ช่วยให้อารมณ์ดี สดใส หากร่างกายขาดสารนี้ไป ก็มีแนวโน้มที่อาจจะเจอกับอาการอารมณ์หงุดหงิดได้
กาแฟ' ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะพอควร
.
รักกาแฟได้ แต่ต้องไม่ลืมรักสุขภาพร่างกายตัวเราเองด้วย (แอดก็บอกตัวเองทุกวัน) อาการเหล่านี้อาจจะดูไม่ร้ายแรง แต่การตัดไฟแต่ต้นลมก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกันเพื่อไม่ให้เกิดการเสพติดคาเฟอีนมากจนเกินไป
.
'Cut back slowly, stay hydrated and get enough sleep' หากจะลดก็ค่อย ๆ ลดเพราะการตัดใจจากกาแฟนั้นไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับคนรักการดื่มกาแฟ อย่างไรก็ตามการดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอก็ยังคงเป็นปัจจัยทางสุขภาพที่สำคัญสำหรับทุกคนเสมอ
ขอบคุณBean to brew
www.pitbullcoffee