ในปี 1970 สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกกาแฟชั้นนำของแอฟริกา อย่างไรก็ตามสงครามกลางเมืองและความไม่มั่นคงทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปัจจุบันได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมกาแฟของประเทศ

นอกเหนือจากความยากจนและโรคภัยแล้วความขัดแย้งยังคร่าชีวิตผู้คนมากกว่าหกล้านคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมีผู้คนหลายพันคนพลัดถิ่น ด้วยเหตุนี้ DRC จึงเปลี่ยนจากการส่งออกกาแฟ 120,000 ตันต่อปีในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เหลือเพียง 10,000 ต่อปีภายในปี 2545

แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ DRC ก็กลับมาเป็นแหล่งกำเนิดกาแฟอีกครั้ง จากความคิดริเริ่มต่างๆมากมายจากทั้งในและนอกประเทศและด้วยเงื่อนไขการปลูกที่ดีที่สุดที่ประเทศนำเสนอทำให้มันกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในด้านกาแฟชนิดพิเศษ อ่านเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม.

คุณอาจชอบเอาชนะความท้าทายในการจัดหากาแฟจาก DRC


การอ้างอิงของ DRC

สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแอฟริกา นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรราว 87 ล้านคนทำให้เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของทวีป ก่อนที่การผลิตจะลดลงในปี 1990 DRC เป็นผู้ผลิตที่แข็งแกร่งรายใหญ่ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีชื่อเสียงมากขึ้นในด้านอาราบิก้าคุณภาพสูง

ตั้งแต่ปี 2010 สหกรณ์ได้ก่อตั้งขึ้นทั่วประเทศบางแห่งได้รับทุนจากองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศและหน่วยงานพัฒนาของรัฐ ในปี 2555 รัฐบาลคองโกจัดสรรเงินจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงทุนในภาคกาแฟโดยมุ่งเน้นเฉพาะภูมิภาคที่ปลูกกาแฟเช่น South Kivu ซึ่งมีเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับการผลิตอาราบิก้าคุณภาพสูง

นอกจากนี้การลงทุนของภาคเอกชนในประเทศยังช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมกาแฟของตนอีกด้วย ระหว่างการสัมมนาผ่านเว็บ Exploring Congolese Coffee: Green Buyer Experiences Kamabale Kisumba Kamungele ประธานกลุ่ม Congolese ของ African Fine Coffee Association (AFCA) อธิบายว่าการผลิตกาแฟของประเทศกำลังเพิ่มสูงขึ้น   ในช่วงเวลาเพียงสิบปีการส่งออกอาราบิก้าของคองโกเพิ่มขึ้นจากระหว่าง 8,000 ถึง 9,000 เมตริกตันเป็นประมาณ 12,000 ต่อป

www.perfectdailygrind.com

https://perfectdailygrind.com/2020/11/exploring-the-democratic-republic-of-congo-as-a-coffee-origin/

www.pitbullcoffee.com   #pitbullcoffee