เครื่องปรุงที่ว่านี้ก็คือ การใส่ใจในการชง ผู้ชง ไม่ว่าจะเป็นบาริสต้าในร้านกาแฟ หรือ จะชงดื่มเองที่บ้าน เราจะต้องสังเกตุและใส่ใจในทุกขั้นตอนและจดจำสิ่งที่เราใช้ในการชง เพราะนอกจากเราจะสกัดกาแฟได้อย่างเหมาะสมแล้ว ในการชงครั้งต่อไป อยากได้รสชาติแบบเดิมที่เราชอบ จะได้ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะได้รสชาติที่ต้องการหรือไม่

ใส่ใจในทุกปัจจัยมีผลต่อรสชาติกาแฟ 

ตั้งแต่อุณหภูมิของน้ำ กลิ่นของกาแฟ ขนาดของผงกาแฟ การชง ตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ชง ปัจจัยเหล่านี้ถ้าเราเริ่มจับทางกาแฟที่เราชงได้ จะชงกาแฟได้รสชาติดีขึ้นแน่นอน ไปเริ่มกันเลย

1.) กลิ่นของกาแฟ 

กลิ่นของกาแฟในเบื้องต้นนั้น เราควรจะดมเผื่อสังเกตุกลิ่นว่า เรากำลังจะเจอกลิ่นอะไร โทนไหน เพื่อฝึกการดมกลิ่นของเราให้เก่งขึ้น ผู้ชงอาจจะสังเกตุเบื้องต้นได้ว่า มีกลิ่นไหม้ติดมาหรือไม่ ติดเขียวไหม ได้กลิ่นอะไรเป็นพิเศษ คั่วเข้ม คั่วกลาง คั่วอ่อน แตกต่างกันอย่างไร อาจจะไม่ต้องแม่นมาก แต่ฝึกบ่อย ๆ เดี๋ยวก็จับได้เองว่ากาแฟตัวนี้ตัวนั้นคั่วประมาณไหน

2.) ขนาดของผงกาแฟ

การชงแต่ละวิธีนั้นใช้ขนาดของผงกาแฟไม่เท่ากัน ผู้ชงควรใช้ขนาดผงกาแฟที่เหมาะสมกับวิธีการชงและอุปกรณ์ที่มีอยู่ เพราะว่าขนาดผงกาแฟมีผลต่อการสกัด และหากกาแฟถูกบดด้วยเบอร์บดที่ไม่เหมาะสม การสกัดกาแฟก็จะได้รสชาติไม่ดีเท่าที่ควร

3.) การชง

การชงแต่ละวิธีจะมีเทคนิคที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น “ดริป” จะมีเรื่องของการเทน้ำที่แบ่งช่วงการเท แล้วแต่สูตรของแต่ละคน หรือการชงเอสเพรสโซ่ก็จะมีเรื่อง dial กาแฟแต่ละตัวก็จะมีสูตรไม่เหมือนกัน ผู้ชงควรหาสูตรของกาแฟแต่ละตัวให้เจอ เพื่อดึงเอกลักษณ์และจุดเด่นของกาแฟ จะดื่มกาแฟสนุกขึ้นแน่นอนครับ

4.) อุณหภูมิของน้ำที่ชง

อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในการชงนั้น ผู้ชงควรหาจุดที่เหมาะสมสำหรับกาแฟประเภทนั้น ๆ (washed process ก็จะใช้อุณหภูมิของน้ำไม่เท่ากับ process อื่น ๆ)

5.) อุปกรณ์

ผู้ชงควรเข้าใจอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่เรามีอยู่ให้ละเอียดเพราะอุปกรณ์ที่เรามีนั้นอาจจะมีกลไกอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนอุปกรณ์เดียวแต่แบรนด์อื่น ยี่ห้ออื่น เราควรศึกษาอุปกรณ์นั้น ๆ ให้ดีว่าสิ่งที่เรามีนั้นใช้งานอย่างไรและมาปรับให้เข้ากับการชงของเราให้เหมาะสม

ขอบคุณ  Bean to brew

www.pitbullcoffee.com