ที่มาที่ไปของการบดเมล็ดกาแฟตั้งแต่แบบหยาบ (Coarse grind)
.png)
ปัจจัยการชงกาแฟมีมากมาย และ ไม่มีกฎใดตายตัว
ที่มาที่ไปของการบดเมล็ดกาแฟตั้งแต่แบบหยาบ (Coarse grind) ไปจนถึงแบบละเอียดจนเป็นผงแป้ง (Fine grind) เป็นเหตุมาจากรูปแบบการชงแต่ละแบบใช้ขนาดของผงกาแฟที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป
.
ผงกาแฟที่บดละเอียดกว่า (ผงขนาดเล็กกว่า) ทำให้การสกัดรสชาติของกาแฟออกมาได้มากขึ้น ในทางกลับกันผงกาแฟที่บดหยาบ (ผงขนาดใหญ่) จะทำให้ต้องใช้เวลาในการสกัดกาแฟที่นานขึ้น
.
เรามาจินตนาการถึงผงกาแฟขนาดเล็กที่มีผิวสัมผัสมากกว่า (more surface area of the bean) น้ำก็จะสัมผัสกาแฟได้มากกว่า จึงใช้เวลาสกัดกาแฟที่ไวกว่า เห็นได้ชัดในเครื่องรูปแบบต่าง ๆ ที่มีการใช้แรงดันในการสกัดกาแฟออกมาเป็นช็อตเอสเพรสโซ แต่การชงกาแฟอย่างพวก French press / Pour Over (ในไทยจะเรียกกาแฟดริปกันส่วนใหญ่) และอีกหลายการชงแบบกรอง (Filter Coffee) ที่ใช้เวลานาน ๆ หน่อย ผงกาแฟที่บดหยาบกว่าก็จะมีบทบาทในรูปแบบการชงแบบนี้
.
เพราะการบดคืออาวุธหลักในการควบคุมรสชาติกาแฟ
.
หากคุณคิดว่าคุณควบคุมปัจจัยอื่น ๆ ได้เป้ะจนพอใจเรียบร้อยแล้วแต่ว่าถ้าขนาดการบดกาแฟของคุณผิดไป นั่นอาจทำให้ปัจจัยอื่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เมล็ดกาแฟที่ดี อุณหภูมิน้ำ อุปกรณ์ชงก็เจ๋ง ๆ ก็ไม่สามารถช่วยคุณได้ ถ้ากาแฟถูกบดแบบไม่เหมาะสม
.
เพื่อให้เข้าใจและมากขึ้น ลองคิดถึงแก้ว 2 แก้วที่มีแต่ทราย และอีกแก้วนึงมีแต่หินกรวด เมื่อเทน้ำลงไปในปริมาณที่เท่ากัน เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าน้ำใช้เวลาไม่เท่ากันในการไหลผ่านและซึมลงไปถึงก้นแก้ว การสกัดน้ำกาแฟแต่ละแก้ว และแต่ละเมล็ดกาแฟก็ย่อมมีขนาดการบดที่ต่างกัน เพื่อดึงรสชาติของกาแฟนั้น ๆ ให้ออกมาได้ชัดเจนที่สุด
.
ขนาดการบดกาแฟ ยังส่งผลต่อ Turbulance
.
นอกจากนั้นแล้ว การบดกาแฟให้ถูกขนาด ยังมีผลต่อน้ำที่จะทะลักออกมาในขณะที่กาแฟขยับตัวเพื่อคายก๊าซหรือพองตัว หรือเกิดปฏิกิริยาทางเคมีตอนสกัด (Turbulance) ซึ่งเมื่อเราชงกาแฟ เราก็ต้องพยายามให้กาแฟทุก ๆ ส่วนได้รับการสกัดที่เท่ากันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งถ้ากาแฟถูกบดละเอียดจนเกินไป น้ำจะผ่านได้ยาก และเสี่ยงที่จะทำให้มีกาแฟบางส่วนไปติดอยู่ตามกระดาษ เมื่อนั้นแปลว่า กาแฟทุกส่วนถูกสกัดไม่เท่ากัน เราจึงต้องหาขนาดเบอร์บดกาแฟที่เหมาะสมไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้การสกัดที่เต็มที่ ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป
ขอบคุณ Bean to brew
www.pitbullcoffee.com
