#หลังวิกฤติคือโอกาสของกาแฟ บทเรียนจากสงครามโลก

ทุกคนอาจจะไม่ทราบว่าในเวลาสงครามโลกนั้น กาแฟกลับกลายเป็นเครื่องดื่มที่มียอดบริโภคสูงขึ้นมากกว่าตอนก่อนสงครามมาก อาจจะเพราะต้องตื่นตัวระวังภัยตลอดเวลาก็เป็นได้ เมื่อสงครามจบลงแล้ว ความนิยมดื่มกาแฟไม่ได้ลดลง กลับเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ความต้องการสารกาแฟเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันคุณภาพกาแฟก็ลดลงด้วยเช่นกัน การคั่วก็เข้มขึ้นจนกาแฟมีรสขมแทบดื่มแบบกาแฟดำไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนา ครีมเทียมและการใส่น้ำตาลในกาแฟ รวมถึง instant coffee เรียกว่าเป็นยุคทองของกาแฟ Commercial จริง





#InternationalCoffeeAgreement สนธิสัญญาประกันราคากาแฟ 1962

หลังสงครามโลกครั้งที่2 มีการแผ่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประเทศเสรีนิยมที่นำโดยสหรัฐ รัฐบาลสหรัฐจึงมีนโยบายที่จะซื้อใจประเทศแถบทวีปอเมริกากลางและใต้ไม่ให้ไปเข้ากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ ผ่านร่างสนธิสัญญาการประกันราคาสารกาแฟ เพื่อพยุงให้กาแฟอยู่ที่ราคาประมาณกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ชาวไร่กาแฟรับได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ใช้สนธิสัญญานี้เป็นเวลาเกือบสามสิบปี ราคาสารกาแฟทั่วโลกก็จะคงที่ประมาณนี้ตลอด





#สิ้นสุดสงครามเย็น สหรัฐก็ยกเลิกสนธิสัญญาประกันราคากาแฟเช่นกัน

ในปี1989 ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเย็น กำแพงเบอร์ลินถูกทำลาย เหตุผลเรื่องการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ก็หมดไป สหรัฐก็อยากให้ราคาสารกาแฟเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะตัวเองเป็นประเทศที่ซื้อผลผลิตสารกาแฟกว่า50%ของผลผลิตกาแฟทั้งโลก สหรัฐจึงขอยกเลิก International Coffee Agreement ผลคือสารกาแฟราคาตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คือซื้อขายกันอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 30 บาทเท่านั้นเอง ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ชาวไร่กาแฟเองก็ทำแล้วแทบจะอยู่ไม่ได้

ขอบคุณ Bean to brew

www.pitbullcoffee.com